ข้อควรรู้เกี่ยวกับปูนกาวยาแนว
การก่อสร้างบ้าน หรือ อาคารต่าง ๆ สิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือ โครงสร้าง เริ่มตั้งแต่โครงหลังคาจนถึงพื้น คุณจะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างโครง เพราะทุกส่วนนั้นล้วนแล้วแต่สำคัญหมด นอกจากโครงสร้างที่เราเห็นกัน เช่น เสา , เหล็ก และมีอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ‘ปูนกาวยาแนว’
ปูนกาวยาแนว คืออะไร ?
ถ้าเป็นช่างก่อสร้าง หรือ เป็นวิศวกรรม ทุกคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่ไม่รู้เราก็มาแวะทำความรู้จักกันก่อนว่า ปูนกาวยาแนว มันคืออะไร ? ซึ่งปูนกาวยาแนว มักจะถูกเรียกย่อ ๆ ว่า ‘ยาแนว’ เป็นตัวช่วยในการก่อสร้างบ้านที่ทุกคนต้องมี มีหน้าที่เอาไว้ทำหน้าที่ควบคู่กับกระเบื้อง เหมือนเป็นการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ในการก่อสร้างให้ดูดีขึ้น เรียบร้อยขึ้น และยังทำให้พื้นแข็งแรงขึ้นด้วย
สามารถปิดรอยต่อระหว่างกระเบื้องได้ ยาแนวเมื่อก่อนจะมีอยู่ 2 สี คือ สีขาว และ สีส้มเข้ม ( สีอิฐมอญ ) แต่ตอนนี้มีการเพิ่มความหลากหลายของสี มีหลายสี หลายเฉด ให้เลือก เพื่อให้ยาแนวดูไปในแนวเดียวกันกับกระเบื้อง สีไม่โดด มีความกลมกลืน ยกระดับความสวยงามให้การก่อสร้างได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับปูนกาวยาแนว
เมื่อทำความรู้จักกับปูนกาวยาแนวกันไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเราจะพาคุณมาดูข้อควรรู้เกี่ยวกับปูนกาวยาแนว จะมีอะไรบ้าง ? วันนี้มีคำตอบ
1.ปูนกาวยาแนว มีประโยชน์ต่อกระเบื้องอย่างไร ?
ข้อแรกเลยปูนกาวยาแนวนอกจากเรื่องของความสวยงามแล้ว ยังมีประสิทธิภาพในการใช้งานควบคู่กับกระเบื้อง มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับการยืด – การหดตัวของกระเบื้องได้เป็นอย่างดี ยืดอายุการใช้งานไม่ก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องของ การร้าว , แตก , หัก
2.ปูนกาวยาแนว ควรใช้ร่วมกับอะไร ?
ถ้าหากว่าอยากเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ให้แข็งแรงที่สุด ใช้งานได้นานที่สุด การใช้ยาแนวอย่างเดียวอาจจะไม่พอ ควรใช้ร่วมกับ ปูนกาว หรือกาวซีเมนต์ สำหรับปูกระเบื้อง เท่านั้น
3.ปูนกาวยาแนว มีกี่ประเภทกันนะ ?
ปูนกาวยาแนว มีทั้งหมด 4 ประเภท สร้างออกมาเพื่อการใช้งานควบคู่กับการก่อสร้างที่แตกต่างกัน เพิ่มความหลากหลายในการใช้งาน ดังนี้
-
ซิลิโคน
ประเภทที่ 1 คือ ‘ซิลิโคน’ เชื่อว่าเป็นยาแนวที่หลาย ๆ คนเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแน่นอน เพราะมีวางขายเยอะมาก ใช้งานง่าย และยังมีความยืดหยุ่นกว่าประเภทอื่น ๆ ถึง 25 % เนื้อสัมผัสของมันเป็นสารประกอบอนินทรีย์ ทนต่อทุกสภาพอาการ ทนทานต่อรังสี UV ด้วย มีแรงยึดเกาะสูงใช้ได้ทั้งในอาคารและนอกอาคาร เหมาะกับการใช้ยึดอะลูมิเนียม และ กระจก แต่แบบซิลิโคนจะมีส่วนผสมของ กรด มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเล็กน้อย แห้งเร็ว
-
อะคริลิค
ประเภทที่ 2 คือ ‘อะคริลิค’ จะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เพราะมีความยืดหยุ่น 5 % ส่วนผสมนั้นทำมาจากกลุ่มไฮโดรคาร์บอน สามารถใช้น้ำเป็นตัวทำละลายได้ แข็งตัวดีมาก ไม่ละลาย 100 % ปิดรอยได้ดีเยี่ยม และขัดตกแต่งให้ดูดี ดูเรียบร้อย ทาสีทับได้ ดูเหมือนจะมีข้อดีเยอะ แต่เรื่องของข้อเสียก็มีเช่นกัน นั่นก็คือ ยืดหยุ่นน้อย รับแรงกระแทกได้น้อย เหมาะสำหรับการปิดรอยต่อภายในตัวอาคาร หรือห้องมากกว่า
- โพลียูริเทน
ประเภทที่ 3 คือ ‘โพลียูริเทน’ เรียกย่อ ๆ ว่า PU ประเภทนี้มีความยืดหยุ่นมากถึง 35 % อึด ทน แข็งแรงทนทานดีมาก สามารถทาสีทับได้ ทนแสง UV ได้ดีเยี่ยม ใช้ได้กับงานหลายประเภททั้งในตัวอาคาร และนอกตัวอาคาร ใช้ได้กับวัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไม้ , กระจก , คอนกรีต , โพลีคาร์บอเนต หรือ เหล็กก็ได้หมด
- โมดิฟายซิลิโคน
และสุดท้าย ประเภทที่ 4 คือ ‘โมดิฟายซิลิโคน’ หรือปัจจุบันนี้ส่วนมากจะเรียกกันว่า ไฮบริด เป็นการผสมผสานของ ซิลิโคน + PU มีความยืดหยุ่นสูง ป้องกัน UV ได้ ทาสีทับได้ แรงเกาะสูง ใช้ได้กับวัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไม้ , ปูน , คอนกรีต , โลหะ หรือ วัสดุอื่น ๆ ไม่มีกลิ่นฉุน แห้งไว
เมื่อได้ทราบข้อควรรู้เกี่ยวกับ ‘ปูนกาวยาแนว’ กันไปแล้ว ก็อย่าลืมที่จะเอาความรู้ดี ๆ ไปใช้ในชีวิตจริงด้วย เลือกใช้งานให้ถูกประเภท เพื่อการก่อสร้างที่สมบรูณแบบ
Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]