แนะนำการปูกระเบื้องให้รอยต่อสวยเนี้ยบ ถูกใจเจ้าของบ้าน

การปูกระเบื้องถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญ ที่จะทำให้ทั้งพื้นและผนังกระเบื้องมีความสวยงาม ซึ่งช่างจะรู้กันดีว่าเมื่อถึงขั้นตอนนี้จะต้องใช้ฝีมือในการปูกระเบื้องที่มากพอสมควร เพื่อให้มีรอยต่อที่สวยเนี้ยบ ตรงตามลวดลายที่เจ้าของบ้านต้องการ จึงจะสามารถทำให้การส่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น

วิธีการปูกระเบื้องให้รอยต่อสวย แน่นหนา ใช้งานได้ยาวนาน

เมื่อต้องการจะปูพื้นกระเบื้องให้มีรอยต่อสวย มีความเนี้ยบ งานคุณภาพมีความแน่นหนา จำเป็นอย่างมากที่จะต้องเลือกช่างมีฝีมือและมีประสบการณ์ แต่ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่หรือเป็นเจ้าของบ้าน ที่อาจจะอยากปูพื้นกระเบื้องและผนังด้วยตัวคุณเอง ขอแนะนำวิธีการปูที่จะให้รอยต่อสวยมากขึ้น งานมีคุณภาพเหมือนช่างใหญ่มาเอง และไม่ทำให้เสียหายง่ายในอนาคต ดังนี้

1.เลือกวิธีปูกระเบื้องที่มีคุณภาพ

เรื่องสำคัญที่สุดของการปูกระเบื้องให้มีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนาน คือ การเลือกวิธีปูที่สามารถทำให้เกิดการยึดเกาะที่ดี ไม่ลาดเอียง หรือเกิดปัญหาใด ๆ ที่อาจทำให้หลุดออกมาในระหว่างการใช้งานได้ง่าย ซึ่งวิธีการปูกระเบื้องนั้นจะมีแบ่งออกเป็น 3 วิธีหลักที่ได้รับความนิยมจากช่างปูกระเบื้อง คือ การปูแบบซาลาเปา, การปูแบบเปียก และการปูกระเบื้องแบบปูนกาว โดยวิธีที่ดีที่สุดคือการปูกระเบื้องแบบปูนกาว ที่จะต้องมีการเตรียมพื้นและมีการเทปูนทราย เพื่อปรับระดับพื้นให้เรียบเท่ากัน

เมื่อนำกระเบื้องมาปูทับแล้วจะเกิดความสะดวก พร้อมทำให้เกิดค่าการยึดเกาะที่ดีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องพื้นหรือผนัง จึงทำให้ปัญหาการหลุดร่อนหรือสึกกร่อนเสียหาย เมื่อใช้งานในระยะเวลายาวนานค่อนข้างยากกว่าวิธีอื่น ๆ ส่วนวิธีที่ไม่แนะนำคือการปูแบบซาลาเปา เพราะแม้จะทำได้ง่ายแต่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องึวามไม่เท่ากันได้ง่าย พื้นไม่เรียบเนียน และกระเบื้องหลุดร่อนกับแตกหักเสียหายได้ง่ายที่สุด

2.ตรวจสอบให้ดีก่อนส่งงาน

เมื่อมีการปูกระเบื้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรมีการตรวจกระเบื้องซ้ำเพื่อดูความเรียบร้อย ถ้าเจอแผ่นใดที่เสียหายจะสามารถแก้ไขได้ทันที ทำให้มั่นใจต่อขั้นตอนของการส่งงานที่จะผ่านได้เร็วขึ้น ซึ่งวิธีตรวจสอบนั้น คือ

  • การเคาะไปที่แผ่นกระเบื้องทีละแผ่น ถ้ามีเสียงก้องออกมาจะรู้ได้ทันทีว่าภายในกลวง
  • ตรวจเรื่องลวดลายของกระเบื้อง ให้มีความสวยงามและเป็นไปในแนวเดียวกัน
  • ตรวจเรื่องระดับของกระเบื้อง ที่จะต้องมีระดับเท่าเทียมกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องพื้นหรือผนัง เมื่อปูแล้วรอยต่อเนี้ยบ จะไม่มีแผ่นใดแผ่นหนึ่งนูนขึ้นมามากกว่าแผ่นอื่น ๆ แน่นอน
  • ตรวจดูร่องและความลาดเอียงของกระเบื้อง โดยร่องยาแนวจะต้องเป็นสีเดียวกันและมีขนาดที่เหมาะสม ยาแนวต้องเต็มร่อง ส่วนระดับความเอียงจะสามารถบวกลบได้ที่ 5 เซนติเมตร แต่ถ้ามากกว่านี้ต้องรื้อทำใหม่

3.มีขั้นตอนการเตรียมพื้นผิว

การเตรียมพื้นผิวก่อนการปูกระเบื้อง ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน จะเป็นขั้นตอนที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเมื่อปูกระเบื้องแล้ว จะทำให้ติดทนนานและไม่เกิดปัญหาใด ๆ ในระหว่างการใช้งานแน่นอน ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมพื้นผิว โดยการตรวจสอบสภาพพื้นผิวเดิม ซึ่งจะต้องไม่มีฝุ่น ไม่มีสิ่งตกค้างใด ๆ และพื้นผิวนั้นจะต้องเรียบ แต่ถ้าเป็นพื้นผิวที่ไม่เรียบ ควรปรับระดับด้วยการเทปูนทรายและผสมกับกาวซีเมนต์ จากนั้นให้ตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อพื้นผิวได้มาตรฐาน ไม่เอียง และมีความเรียบเนียนเหมาะสม 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จะสามารถปูกระเบื้องได้ตามปกติ

4.เว้นระยะสวยงาม

การเว้นช่องของร่องยาแนวที่ถือว่าเหมาะสมที่สุดของการปูกระเบื้อง คือ การ เว้นไว้ที่ 2 มิลลิเมตร เพื่อลดปัญหาการยืดขยายตัวหรือหดตัวตามอุณหภูมิอากาศ เนื่องมาจากกระเบื้องบางประเภทจะขยายตัวเมื่ออากาศร้อนและหดตัวเมื่ออากาศเย็น ถ้าปูชิดหรือห่างเกินไปอาจเกิดปัญหาร่องยาแนวแตกเสียหายง่าย และอาจกลายเป็นจุดฝังของเชื้อโรคต่าง ๆ อีกด้วย

5.การใช้อุปกรณ์ปูกระเบื้อง

การเลือกใช้อุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการปูพื้นกระเบื้องต้องมีครบ! มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เพื่อให้งานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เสียเวลามากเกินไป ดังนั้นผู้ที่ต้องการปูกระเบื้องควรมีเครื่องมือกับอุปกรณ์ ดังนี้

  • เครื่องตัดกระเบื้อง
  • ดอกเจาะกระเบื้อง
  • เกรียงเหล็กหรือเกรียงหวีสแตนเลส
  • เกรียงปาดยาแนว
  • เกรียงอเนกประสงค์
  • หัวปั่นอเนกประสงค์ สำหรับทำความสะอาด
  • อุปกรณ์สำหรับการจัดแนวกระเบื้อง ให้มีระยะที่สมดุล

อุปกรณ์การปรับระดับกระเบื้องพื้นและผนัง พร้อมไปด้วยกาวซีเมนต์ที่มีคุณภาพ จะทำให้การปูกระเบื้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]